สนใจเสนอบทความหรือติชม
แก้ไขได้ที่ คุณวันเพ็ญ เสนาคง
โทร 02-2588448 หรือ
prasarnmit.alumni
 @gmail.com(WEbMaster)

เว็บไซด์สมาคมจัดทำขึ้นเพื่อ
วัตถุประสงค์ที่จะสร้างความ
สัมพันธ์ ระหว่าง ศิษย์เก่า
คณาจารย์ และศิษย์ปัจจุบัน
ทุกท่านเพื่อให้โรงเรียนของเรา
มีแต่ความเจริญงอกงามต่อๆไป

สมาชิกศิษย์เก่า ค้นข้อมูลเพื่อน
ร่วมรุ่น รุ่นพี่รุ่นน้องพร้อมรับ
สิทธิประโยชน์มากมาย
คลิ้กด่วน!!
พูดคุยถามตอบ ส่งกระทู้น่ารักๆ
ทักทายเพื่อน พี่ น้อง โต้ตอบ
กระทู้หนุกๆ พลาดไม่ได้แล้ว
คลิ้กเลย
 


    มุมสาระน่ารู้
  • ปัญหาที่พบในการสอบเข้าเครือสาธิต

ผู้ปกครองส่วนใหญ่คิดว่ารอจนลูกอนุบาล 3 ก่อน แล้วค่อยเตรียมความพร้อมลูกเพื่อสอบเข้า ในแต่ละปีมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ต้องพบกับความเสียใจ เมื่อพบว่าลูกหมดสิทธิ์สอบเข้าโรงเรียนในเครือสาธิต เพราะอายุเกินเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากความไม่รู้และไม่ได้ติดตามข้อมูลของผู้ปกครองหลายต่อหลายคน จึงอยากจะแจ้งไว้ในที่นี่เพื่อเป็นความรู้ต่อๆ ไป เพราะนักเรียนบางคนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ก็ถึงเกณฑ์สอบเข้าแล้วค่ะ
สำหรับปีการศึกษา 2555
สอบเข้าสาธิตประสานมิตร (เข้า เด็กเล็ก) ต้องเกิดระหว่าง 1 มิ.ย. 49 -  31 พ.ค.50
สอบเข้าสาธิตจุฬา (เข้า ป. 1) ต้องเกิดระหว่าง 1 ธ.ค. 48 – 1 พ.ย. 49
สอบเข้าสาธิตเกษตร (เข้า ป. 1) ต้องเกิดระหว่าง 15 ธ.ค. 48 – 1พ.ย. 49

  • การทดสอบความพร้อมของเด็กที่จะสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนในเครือสาธิตนั้น จะเน้นทดสอบพัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็ก ตามแนวข้อสอบเชาวน์ที่ทางโรงเรียนสาธิตใช้ในการสอบคัดเลือกนักเรียน โดยข้อสอบมีสาระสำคัญดังนี้
  • การสังเกต เป็นการสำรวจและอธิบายความเหมือน ความต่าง ของสิ่งต่างๆ เช่น ภาพกับเงา (Outline) เงาซ้อน ภาพซ่อน ส่วนของภาพ รอยเท้าสัตว์ ภาพ Stamp ภาพคล้าย ภาพเหมือน ภาพต่าง ภาพผิดปกติ ภาพตัดต่อ ภาพที่หายไป ต่อลายภาพ 2 มิติ
  • การจำแนก เป็นการจับคู่ระหว่างจำนวนและสิ่งของ การจับคู่ความสัมพันธ์ต่างๆ การจัดกลุ่มตามประเภท ขนาด สี และรูปร่าง
  • การเปรียบเทียบ เป็นการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ ในมิติต่างๆ กัน เช่น ความสูง-ต่ำ ความกว้าง- แคบ ความใหญ่-เล็ก ความหนัก-เบา ความสั้น-ยาว อ้วน-ผอม และคานน้ำหนัก (คาน - ตาชั่ง)
  • จำนวน เป็นความสามารถในการนับจำนวน การนับจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง การเปรียบเทียบจำนวน มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากัน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเงิน
  • เวลา เป็นความสามารถในการเปรียบเทียบเวลา เช่น เช้า สาย บ่าย เย็น กลางวัน กลางคืน การอ่านนาฬิกาและปฏิทิน เวลาที่สัมพันธ์กับกิจกรรม การเรียงลำดับเหตุการณ์ การรู้จักช้า เร็ว การสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
  • มิติสัมพันธ์ เป็นความสามารถในการมองเห็นและเข้าใจเกี่ยวกับมิติต่าง ๆ ได้แก่ ขนาด รูปร่าง ระยะทาง ทิศทาง ทรวดทรง พื้นที่ พื้นที่ว่าง ปริมาตร และสามารถเปรียบเทียบตำแหน่งของสิ่งต่างๆ กับตำแหน่งหรือจุดที่อ้างอิงได้ เช่น หน้า หลัง บน ล่าง ซ้าย ขวา เป็นต้น แบบทดสอบในเรื่องนี้ เช่น ภาพสะท้อนกระจก แกนสมมาตร ภาพกลับด้าน การพับกระดาษ การตัดกระดาษ การพับกล่อง ภาพหมุน ทิศทาง แผนที่ ระยะทาง การนับบล็อก
  • อนุกรม ทดสอบทักษะกระบวนการคิด โดยพิจารณาอนุกรมสี รูปร่าง ลวดลาย สลับกัน อนุกรม 2 ชั้น อนุกรมจำนวนนับ อนุกรม 9 ช่อง อนุกรมวงกลม และโดมิโน
  • สิ่งต่างๆ รอบตัว ทดสอบความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น ข่าว เหตุการณ์ ความรู้รอบตัว จริยธรรม วิทยาศาสตร์ ตัวเรา ครอบครัว โรงเรียน บุคคลอาชีพต่างๆ

          (Reference: http://www.mathbright.com)

  • การ์ดเนอร์อธิบายถึงคนที่มีความฉลาดหรือปัญญาทั้ง 8 ด้านนี้ว่า..

               คนทุกคนมีปัญญาทั้ง 8 ด้านนี้เพียงแต่จะมีด้านใดมากน้อยแค่นั้น อย่าง ราชินีลูกทุ่งพุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นคนมีปัญญาด้านดนตรีและร่างกายสูงมาก แต่ปัญญาด้านภาษาและคณิตศาสตร์จะอยู่ในเกณฑ์ด้อยส่วนด้านอื่นๆจะมีอยู่ระดับปานกลาง

              คนทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นถึงระดับที่ใช้การได้ เช่น บางคนด้อยทางดนตรีหรือร่างกาย หรือคณิตศาสตร์ แต่การ์ดเนอร์เชื่อมั่นว่า ถ้ามีการให้กำลังใจ ฝึกฝนอบรมก็อาจจะเสริมสร้างสมรรถภาพของปัญญาด้านต่างๆได้

               ปัญญาแต่ละด้านจะมีการแสดงออกมาได้หลายทาง เช่น บางคนไม่มีความสามารถด้านการอ่าน แต่เล่านิทานได้เก่ง ใช้ภาษาพูดคล่องแคล่ว หรือบางคนไม่มีความสามารถทางกีฬา ซึ่งดูเหมือนจะด้อยปัญญาด้านร่างกาย แต่คนๆ นั้นอาจจะถักทอผ้าหรือเล่นหมากรุกได้เก่งเพราะฉะนั้นลักษณะปัญญาด้านหนึ่งๆก็จะมีการแสดงออกที่หลากหลาย

               ปัญญาด้านต่างๆ ทำงานและพัฒนาร่วมกัน เช่น เด็กทำอาหารให้ครอบครัว ก็ได้ใช้ปัญญาด้านร่างกายในการหั่นและปรุงอาหาร ใช้ปัญญาด้านคณิตศาสตร์ในการคำนวณปริมาณอาหาร ใช้ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ในการทำงานให้ผู้อื่น และใช้ปัญญาด้านเข้าใจตนเองในการรู้สึกพึงพอใจในการทำอาหารของตน

 

  • พ่อแม่สามารถพัฒนาให้ลูกฉลาดอย่างหลากหลายได้โดย..

            ต้องตระหนักว่าลูกมีปัญญาทั้ง 8 ด้าน แม้ไม่ทราบว่าด้านใดสูง ด้านใดด้อย แต่ต้องทราบว่าปัญญาทั้ง 8 ด้านนี้ สามารถพัฒนาให้อยู่ในระดับที่ใช้การได้เพื่อให้บุคคลได้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข

            พ่อแม่จะทราบถึงปัญญาด้านต่างๆ ของลูกโดยการสังเกต ศึกษา ความสามารถที่ลูกแสดงออกมา เช่น สังเกตว่าลูกชอบทำสิ่งใด และสิ่งนั้นเป็นลักษณะความสามารถของปัญญาด้านใด ส่งเสริมด้านที่ถนัดของลูก และช่วยปรับปรุงด้านที่ไม่ถนัด เช่น ลูกถนัดทางดนตรีและร่างกาย แต่ไม่ถนัดด้านภาษา การอ่านการเขียน พ่อแม่ควรแสดงความชื่นชมส่งเสริมทางดนตรีและการแสดงของลูก และพยายามเสริมความสามารถด้านภาษาผ่านทางดนตรีและจังหวะ เช่น คำกลอน คำคล้องจอง เพลง การเต้นเข้าจังหวะกับเพลง
    การให้ลูกได้พัฒนาปัญญาที่ถนัด ไม่ฝืนให้ลูกทำในด้านที่ไม่ถนัด ลูกจะมั่นใจในตนเอง มีความภาคภูมิใจและมีความสุข

            ให้ประสบการณ์ที่ดีและกว้างแก่ลูก ให้ลูกได้ฟังนิทาน ฟังพ่อแม่อ่านและชี้ชวนดูหนังสือ พูดคุยกับลูกถึงจำนวน ให้หยิบจับของจริงตามจำนวน ให้ลูกได้ฟังดนตรีดีๆ ได้เห็นการแสดงดีๆ ปัญญาด้านมิติจะพัฒนาได้ดีจากการได้หยิบจับและคาดคะเน เช่น การต่อบล็อก การขับขี่จักรยาน ซึ่งลูกจะได้พัฒนาปัญญาด้านร่างกายด้วย ให้เด็กได้มีโอกาสเล่นกับเด็กอื่นส่งเสริมให้ลูกซักถามเพื่อพัฒนาปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง

            ในช่วงแรกเกิดถึง 3 ปี พ่อแม่ควรเลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง หรือหาเวลาที่จะเล่นกับลูก อยู่กับเขา เพราะปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ ปัญญาด้านเข้าใจตนเอง และปัญญาด้านภาษาจะเริ่มพัฒนาในวัยนี้การให้เด็กมีประสบการณ์กว้างขวาง จะช่วยให้เขาค้นพบสิ่งที่ตนเองถนัด
    สามารถสร้างความประทับใจจนเกิดเป็นเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำเช่นนั้นด้วย
  • สร้างแรงบันดาลใจให้ลูก

             การสร้างความแรงบันดาลใจให้ลูกจะทำได้ดีในช่วงวัย 3-12 ปี วัยอื่นก็สร้างได้แต่จะไม่รวดเร็วเหมือนวัยนี้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสพ่อแม่น่าจะพาลูกไปเที่ยวตามที่น่าสนใจต่างๆ     เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์      การแสดงดนตรี ละคร ในโรงละครแห่งชาติหรือศูนย์วัฒนธรรม พาท่องเที่ยวในสถานที่ธรรมชาติ ชี้ชวนให้เด็กสังเกตศึกษาพืชและสัตว์ ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนฝ่ายเดียว พ่อแม่ควรพาลูกไปเที่ยวเองด้วย เพราะเที่ยวกลุ่มเล็กเด็กจะได้ศึกษาใกล้ชิด

            การพาลูกไปตามศูนย์การค้าไม่ค่อยจะมีประโยชน์นัก ถ้าจะไปซื้อของตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือในตลาดสด ควรฝึกให้ลูกอ่านสลาก ดูราคา วิธีการเลือกสินค้าก็จะได้ประโยชน์

 

  • ส่งเสริมปัญญาทุกด้าน

            พ่อแม่ควรพยายามศึกษาและส่งเสริมปัญญาทั้ง 8 ด้านของลูก ด้านที่เด่นของเขาก็ส่งเสริมไป แต่ไม่ควรคิดว่าด้านไหนสำคัญกว่าด้านไหน เพราะการที่พ่อแม่ส่งเสริมปัญญาทุกด้าน ด้านที่เด่นก็จะช่วยเสริมด้านที่ด้อยให้ดีขึ้น    เช่น น้องแก้วเรียนภาษาและคณิตศาสตร์เก่งมาก
    แต่เธอค่อนข้างอ่อนด้านดนตรีและร่างกาย     เมื่อพ่อแม่ส่งเสริมด้านดนตรีและร่างกายให้ด้วย    ความสามารถทางภาษา และคณิตศาสตร์ของเธอก็สูงขึ้นมาขณะที่ความคล่องแคล่วทางร่างกายและดนตรีก็ดีขึ้นมากซึ่งทำให้น้องแก้วมั่นใจในตนเองมากขึ้นทีเดียว

            เด็กบางคนชอบวาดรูป พ่อแม่ก็บ่นว่าเอาแต่วาดรูป ไม่สนใจเรียนหนังสือเลย ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดของพ่อแม่ และเท่ากับไปขัดขวางปัญญาด้านมิติของลูก    จริงๆ แล้วพ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้วาดรูปให้เต็มที่      ไม่ดุหรือบ่น และขณะเดียวกันก็ให้ประสบการณ์ทางภาษาและคณิตศาสตร์ให้เขาด้วย เช่น อ่านหนังสือให้ฟังเวลาลูกอ่านผิดก็ไม่ดุพร้อมกับบอกคำอ่านที่ถูกให้ฟัง   พูดคุยและใช้ของจริงเมื่อจะสอนลูกเรื่องตัวเลขและจำนวนสิ่งต่างๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน   ลูกก็จะพัฒนาภาษาและคณิตศาสตร์ขึ้นได้ ขณะเดียวกันงานวาดภาพก็ไม่ได้ทิ้งไป

            พ่อแม่จึงควรสังเกตว่าลูกชอบทำอะไร ถนัดอย่างไร ส่งเสริมชื่นชมให้กำลังใจ ถ้าเด็กได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ชอบ สนใจ แล้วพ่อแม่แสดงความชื่นชม จะช่วยให้เด็กเกิดความมั่นใจในตนเอง มีความสุข ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่พยายามฝืนให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ถนัด เขาจะขาดความมั่นใจ รู้สึกทุกข์ เครียด ซึ่งคงไม่มีพ่อแม่คนไหนต้องการให้ลูกเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ

       (Reference: นิตยสารลูกรัก)


Content by : ศรัณยู ลวางกูร (เหมาะ)
Upload by : โชค พุกกรัตน์


   

   
Satit Prasarnmit Alumni Association
174 Sukumvit 23 Klongteuy Nue Wattana , Bangkok 10110
Tel. 02-287-0994

copyright © 2005 satitprasarnmit.com