ถึงศิษย์รัก… รศ.ลลิตพรรณ ทองงาม
ศิลปะ นับว่าเป็นศาสตร์ที่สอดแทรกอยู่ในทุกรูปแบบการเรียนรู้ และยังเป็นศาสตร์ที่สร้างความงามให้ผู้อื่นได้มีความสุข สุขที่ได้เรียน สุขที่ได้ลงมือทำ และสุขที่ได้ชื่นชมผลงานที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ครูศิลปะ ก็เช่นกัน วันนี้เราจะมาพบกับ รศ.ลลิตพรรณ ทองงาม คุณครูศิลปะ ที่ถ่ายทอดความงดงาม ความนุ่มนวลผ่านการสอน หลายเรื่องราวที่ทำให้เรามีความสุข และสามารถยิ้มตามได้
ประวัติ รศ.ลลิตพรรณ ทองงาม
อาจารย์เริ่มเข้ามาทำงานที่โรงเรียนประถมสาธิตเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยขณะนั้นอาจารย์ใหญ่ท่านคือ รองศาสตราจารย์ไพเราะ ตัณฑิกุล ครูเข้ามาพบท่านวันแรก ท่านก็ให้ครูเดินและหมุนตัวให้ท่านดู แล้วอ่านหนังสือท่านให้ฟัง ท่านสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ ท่านก็บอกว่าใช้ได้พรุ่งนี้มาทำงานได้เลย
ครูเริ่มต้นมาทำงานที่โรงเรียนนี้เป็นอัตราจ้างที่ทรหดเป็นระยะเวลาถึง 9 ปี แต่ละปีที่ผ่านไปไม่ได้สูญเปล่า ครูได้รับความรู้ประสบการณ์ความรู้บทเรียนของชีวิตมากมาย ท่านอาจารย์ใหญ่ รศ.ไพเราะ ท่านได้เมตตาให้อาจารย์ท่านหญิงประภาพันธุ์ (ภาณุพันธ์ุ) กรโกสียกาจ ครูจะเรียกท่านว่าอาจารย์ท่านหญิง ท่านได้เมตตามาเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงดูแลและชี้แนะให้ครู ครูได้สอนวิชาศิลปะและวิทยาศาสตร์ ครูจำได้ว่าสมัยนั้นอาจารย์ทุกท่านจะต้องส่งแผนการสอนล่วงหน้าทุกวันจันทร์ และอาจารย์ท่านหญิงท่านจะเป็นผู้ตรวจ
ตอนนั้นนักเรียนมี 40 กว่าคนต่อห้อง ห้องเรียนศิลปะเป็นอาคารไม้สองชั้นอยู่ริมสุดทางออกทางด้านแดนตะวัน ตอนนั้นยังไม่มีหมู่บ้าน แดนตะวันเป็นหนองน้ำมีสะพานไม้กระดาน 2 แผ่นต่อเรียงกันไปถึงถนนเล็กๆ มีนักเรียน ผู้ปกครอง รวมถึงอาจารย์เคยตกน้ำ เป็นเรื่องเล่าขานแบบสนุกๆ เราเรียกว่าสะพานปราบเซียน ต้องระวังค่ะ น้ำไม่ค่อยลึกแต่ก็เปื้อนโคลน แต่ขอบอกว่าบริเวณที่พวกเราเดินบนสะพานไปถึงโรงเรียน บริเวณแถบนั้นมี ดอกผักตบชวาสีม่วงขึ้นสวยงามมาก
ต่อมาผู้บริหารได้มีนโยบายที่จะขยายเพิ่มห้องเพื่อจะลดจำนวนของนักเรียนแต่ละห้องลง และเพิ่มห้องเรียนเพื่อประโยชน์ในการดูแลเอาใจใส่ให้กับนักเรียน ครูจึงได้สอนวิชาเพิ่มอีกคือ วิชาสังคมและคหกรรม สอนไประยะหนึ่งมีการปรับเปลี่ยนขยายห้องเรียนเป็น 4 ห้อง ห้องหนึ่งๆ มีนักเรียนห้องละ 30 กว่าคน จึงได้กลับมาสอนศิลปะเต็มตัว สอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กจนถึงประถมปลาย
ก่อนเกษียณ ครูได้ตำแหน่งทางวิชาการ คือ รองศาสตราจารย์และเกษียณอายุราชการเมื่อปีพ.ศ. 2551
เมื่อเกษียณแล้ว ครูได้เข้าไปช่วยในมหาวิทยาลัยอาทิตย์ละ 3 วันเพื่อดำเนินงานต่อเนื่องโครงการนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางด้านศิลปะเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยไม่ขอรับค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องที่โรงเรียนของเราได้ทำมา 6 ปี ก่อนที่ครูจะเกษียณ มีโรงเรียนในเครือข่ายเข้าร่วมประกอบด้วยโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนใน กทม. ประมาณ 20 กว่าโรงเรียน เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของนักเรียนและอาจารย์รวมถึงจัดหาเวทีให้นักเรียนได้แสดงออกถึงศักยภาพของนักเรียนได้อย่างเต็มที่ และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่ม โรงเรียนของเราเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นตอนที่พวกเราทำงานกันครั้งแรกเรายังไม่มีเงินงบประมาณ ซึ่งจะต้องตั้งงบไว้ล่วงหน้า พวกเราจึงได้ทำเรื่องถึงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ให้เงินสนับสนุนมาช่วยประมาณ 4 แสนกว่าบาท ตอนที่ทำโครงการครั้งแรกนั้นเรามีโรงเรียนในเครือข่ายประมาณ 9 โรงเรียน ทางมหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญของโครงการนี้จึงนำโครงการนี้เข้ามาเป็นอีก 1 โครงการของมหาวิทยาลัย
โครงการนี้จะจัดการแสดงกิจกรรมของนักเรียนทุกๆ ปี เราจะมีการประชุมร่วมกันกับโรงเรียนในเครือข่ายดำเนินการและวางแผนอย่างรัดกุมทุกขั้นตอน ซึ่งทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องเริ่มตั้งแต่ผู้บริหาร ครูบาอาจารย์นักเรียน จนถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ว่าการเงิน อาคารสถานที่ เรื่องอาหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่คนงานได้เข้ามาช่วยเหลือกันอย่างเต็มกำลัง กิจกรรมของนักเรียนแต่ละปียิ่งใหญ่เป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นรวมถึงผู้บริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักเรียนผู้แสดงเอง กิจกรรมผลงานของนักเรียนแต่ละชุดแต่ละชิ้นงานได้กลั่นกรองมาจากความสามารถพิเศษทางด้านศิลปะ
จากการที่ครูได้สอนศิลปศึกษามานาน จึงทำให้ครูรู้ถึงความสำคัญของวิชาศิลปศึกษาว่าเป็นวิชาที่เป็นพื้นฐานที่สามารถนำประโยชน์ เอาความรู้ทางศิลปะเหล่านี้ไปใช้ได้กับทุกวิชา ทำให้นักเรียนได้มีความเข้าใจวิชาอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และการสอนศิลปศึกษาต้องใช้สมองทั้ง 2 ซีกซ้ายและซีกขวา เพื่อจะก่อประโยชน์อย่างเต็มที่ในการเรียนรู้ของนักเรียน
ความประทับใจในโรงเรียนของเรา
ความประทับใจที่ครูได้เข้ามาสอนโรงเรียนสาธิตแห่งนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาสอนและทำงาน
ณ โรงเรียนแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ผู้บริหารจะเป็นผู้ที่กระตุ้นนำนโยบายให้เกิดความคิดในการทำงาน ทำอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพในการเรียนการสอนให้เกิดความรู้และประโยชน์ที่ดีให้กับนักเรียน และองค์กรความคิดเหล่านี้มันจึงย้อนกลับมาถึงผู้สอนทำให้เกิดความคิดและตื่นตัวพัฒนาปรับปรุงศักยภาพของตัวเองอยู่ตลอด และสถานที่แห่งนี้ให้โอกาสอำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรในการทำงานและคิดโครงการต่างๆ มาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ต่อเด็ก และสังคม ยิ่งกว่านั้นสถานที่นี้พวกเราต่างก็ได้รับ และให้ความเคารพ ความรักความอบอุ่นซึ่งกันและกัน เสมือนหนึ่งญาติพี่น้องอาทรซึ่งกันและกัน
ครูจึงรู้สึกโชคดีที่ได้สอนลูกศิษย์และได้สอนลูกศิษย์ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงระดับชั้นประถมปีที่ 6 ครูประทับใจในความไร้เดียงสาของลูกศิษย์ทำให้เป็นยาอายุวัฒนะเป็นพลังแห่งความสุข ครูมักจะชอบเดินไปที่สนามเด็กเล่น จะเห็นภาพลูกศิษย์ตัวน้อยๆ พูดคุยหัวเราะกัน เสียงหัวเราะนั้นช่างมีความสุขแท้
ครูขอบพระคุณบุคลากรในโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) แห่งนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทุกท่าน เริ่มตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ครูบาอาจารย์ จนถึงเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน รวมถึงศิษย์เก่าและเจ้าหน้าที่คนงานที่กรุณาเมตตา เป็นผู้ที่ดูแลเอาใจใส่บุตรหลานให้อีกด้วยค่ะ
วีรกรรมของศิษย์ หรือลูกศิษย์ในความทรงจำ
เรื่องวีรกรรมของลูกศิษย์มีมากมายครูถือว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้ครูเกิดการเรียนรู้และปรับปรุงแก้ไขตัวครูเองและลูกศิษย์ ยังประโยชน์ให้แก่ลูกศิษย์ และครูก็รู้ว่าลูกศิษย์ที่อยู่ ณ โรงเรียนแห่งนี้เด็กๆ มีความฉลาดกล้าหาญ กล้าแสดงออก รู้จักเอาตัวรอดและช่วยเหลือเพื่อน มีบุคลิกเฉพาะตัว ไม่ว่านักเรียนจะไปแสดงกิจกรรมใดๆ ภายในโรงเรียนหรือภายนอกโรงเรียน ครูจะเห็นศักยภาพของนักเรียนโดดเด่นเสมือนดอกไม้นานาพันธุ์ ที่มาอยู่ที่โรงเรียนประถมสาธิตแห่งนี้พร้อมที่จะเบ่งบาน ถ้าครูบาอาจารย์ผู้สอนเห็นถึงพัฒนาการ ศักยภาพ ความสามารถของนักเรียนแต่ละคน ก็จะเห็นถึงความโดดเด่นความถนัดและความสามารถของนักเรียนแต่ละบุคคลได้เร็ว แสดงว่าครูบาอาจารย์ ผู้สอนสามารถขุดพบเจอตาน้ำ คือความสามารถที่สะสมมีอยู่ในของตัวนักเรียนแต่ละคนได้นั่น คือสิ่งที่ครูบาอาจารย์เจอความสามารถของลูกศิษย์แต่ละบุคคลแล้ว
สิ่งที่พูดมานี้เป็นความจริง เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินวิสัยของผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนสาธิตแห่งนี้ ท่านสามารถสร้างสรรค์นักเรียนที่เปรียบเสมือนดอกไม้นานาพันธุ์ พร้อมที่จะเบ่งบานอยู่ในโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) แห่งนี้ จะสง่าและงดงาม นี่คือการสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ
ครูประทับใจวีรกรรมของลูกศิษย์หลายๆ เรื่อง
ครูขอยกตัวอย่างเรื่องนี้ก็แล้วกันนะคะ ตอนนั้นคอมพิวเตอร์เข้ามาใหม่ๆ เป็นหลักสูตรวิชาใหม่ อาจารย์ผู้สอนวิชานี้มีน้อย การเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ถ้าจะให้ได้ผลดีและรวดเร็วต้องสอนตัวต่อตัว ตอนนั้น ครูสนใจที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และตัวครูชอบทำวิจัย เพราะทำให้เราเข้าใจรู้ถึงปัญหาและเมื่อหาวิธีแก้ไขได้แล้ว สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง จึงทำการทดลองวิจัยดูว่า “พี่จะช่วยสอนคอมพิวเตอร์น้องได้หรือไม่” จึงประกาศหาอาสาสมัครพี่ที่อยู่ระดับชั้นประถมปีที่ 6 นำมาฝึกสอน ติวให้เข้าใจในการใช้คอมพิวเตอร์ที่จะนำไปสอนน้องระดับชั้นประถม 4 พี่ 1 คน สอนน้อง 1 คน แต่อาจารย์สอนทั้งห้อง เมื่อจบ กระบวนการทำวิจัยเรียบร้อยแล้ว ผลออกมากลุ่มนักเรียนที่พี่สอนน้องได้คะแนนมากกว่าครูเป็นผู้สอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ครูดีใจที่นักเรียนสามารถช่วยแก้ปัญหาและช่วยเพื่อนที่ไม่เข้าใจเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ได้ และเมื่อพูดถึงวีรกรรมของลูกศิษย์แต่ละรุ่น มีมากหลายเรื่องราวที่ทำให้ครูตื่นเต้นโกลาหลและทำให้ครูลุ้น เพื่อจะให้ลูกศิษย์บรรลุถึงเป้าหมายและครูคอยติดตามถามถึงเอาใจช่วย
“ไม่ว่าครูหรืออาจารย์แต่ละท่านก็ประทับใจวีรกรรมของลูกศิษย์ในแต่ละรุ่นเช่นเดียวกันถ้าจะเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบค่ะ“
อีกเรื่องที่ครูเป็นกังวลใจและเป็นห่วง คือเรื่องเด็กกลุ่มพิเศษ ซึ่งปัจจุบันนี้ ครูได้เห็นการบริหารจัดการเรื่องนี้ของโรงเรียนเป็นรูปธรรมได้ดีมาก ครูได้เข้าเห็นกลุ่มอาจารย์ผู้สอนให้ความช่วยเหลือชี้แนะ และได้เห็นความร่วมมือซึ่งกันและกันระหว่างอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์ผู้เกี่ยวข้อง มีการประสานงานและเชื่อมโยงกับผู้ปกครอง ครูรู้สึกเบาใจสบายใจขึ้น นี่แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารตลอดจนถึงครูบาอาจารย์ได้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญและหาวิธีการให้ความช่วยนักเรียนกลุ่มนี้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันผู้ปกครองต้องให้ความช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่ทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับบุตรหลานของท่าน ท่านต้องหาเวลาและเสียสละส่วนตัว อย่าให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนฝ่ายเดียว และท่านจะต้องเห็นแก่บุตรหลานโดยการหาวิธีแก้ไข เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้เติมเต็มกับบุตรหลานของท่าน ท่านก็จะเห็นพัฒนาการและศักยภาพของบุตรหลานของท่านมากขึ้น
ถ้าท่านรีบแก้ไขได้สำเร็จในขณะที่อยู่โรงเรียนประถมแห่งนี้ ท่านก็สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ให้แก่บุตรหลานของท่าน ได้สร้างคนของชาติ ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านเอง ท่านก็จะได้สร้างตัวตนของบุตรหลานของท่านเอง เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้ต่อไปภายหน้า เขาก็คือลูกที่พึงประสงค์ของท่าน ท่านต้องอดทนปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ท่านก็จะเห็นความสำเร็จ เห็นถึงพัฒนาการของบุตรหลานของท่านดีขึ้น ท่านต้องใช้ความอดทนและต้องมีความพยายามไปให้ถึงสิ่งที่ท่านได้ตั้งมุ่งมั่น วางเป้าหมายเพื่อความสำเร็จแก่ลูกหลานของท่าน ท่านทำได้ค่ะ
ความในใจถึงศิษย์รัก
ครูมีความปรารถนาอยากให้ลูกศิษย์ทุกคน ไม่เห็นแก่ตัว สร้างความเจริญ ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ควรช่วยเหลือ และใช้สติปัญญาช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
***ครูคิดถึงลูกศิษย์ทุกคนนะคะ***
ความทุ่มเทและความเสียสละของอาชีพครู คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอมา จะมีสักกี่คนที่ยอมเสียสละความสุขส่วนตน เสียสละรายได้ เพื่อให้เด็กๆ ได้มีความรู้ โดยเฉพาะเด็กพิเศษ เด็กกลุ่มนี้สามารถใช้ศิลปะในการพัฒนาศักยภาพ ในตัวของเขาได้อย่างเต็มที่
วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ต้องขอกราบขอบพระคุณ รศ.ลลิตพรรณ ทองงาม ที่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่สวยงามของโรงเรียนของเรา ให้พวกเราได้หายคิดถึงกันค่ะ