ถึงศิษย์รัก… อ.ปัทมา สมพงษ์
อีกหนึ่งอาจารย์หมวดภาษาในความทรงจำคงหนีไม่พ้นอาจารย์ปัทมา สมพงษ์ กว่า 30 ปีที่อาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ฝ่ายมัธยม ของเรา อาจารย์ผู้ซึ่งใจเย็นและเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจในตัวนักเรียน และเชื่อว่าความพยายามของท่านจะทำให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น ความทุ่มเทเหล่านี้ถูกถ่านทอดผ่านรูปแบบการสอนที่หลากหลาย และปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคล เรามาพบกับเรื่องราวของ อาจารย์ปัทมา สมพงษ์ กันเลยค่ะ
อาจารย์ปัทมา สมพงษ์
อาจารย์เริ่มเข้ามาสอนที่สาธิตในปี พ.ศ.2518 ตอนนั้นเป็นอาจารย์ประจำชั้นม.2/4 รุ่น 19 คู่กับอาจารย์วินิจ อาจารย์อยู่หมวดภาษาต่างประเทศโดยรับหน้าที่สอนภาษาอังกฤษมาโดยตลอด และออกจากราชการในปี พ.ศ.2549 ทั้งหมด 31 ปี แต่อาจารย์ลาออกก่อนเกษียณ ประมาณ 8-9 ปี ตอนอายุ 51-52 ตอนนั้นก็ยังสนุกกับการสอน แต่ช่วงนั้นโรงเรียนอยากให้ทำผลงานวิชาการซึ่งครูไม่ได้สนุกกับตรงนี้เลยออกมาพักผ่อนราวๆ 2 ปี หลังจากนั้นครูได้มาสอนอีกโรงเรียนหนึ่งที่ถูกแนะนำโดยอาจารย์ขจรศรี ซึ่งโรงเรียนอยากให้อาจารย์มาสอนระดับชั้น ม.6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551-พ.ศ.2562 และพึ่งออกมาเมื่อเร็วๆ นี้
ช่วงก่อนออกตอนนั้นโรงเรียนเปิดภาควิชาภาษาญี่ปุ่น ปีแรกๆ ยังไม่มีอาจารย์ที่คอยดูแล อาจารย์เองเคยสอบชิงทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นเรื่องวิธีสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องไปเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้เราได้ภาษาญี่ปุ่นมาเป็นของแถม พอโรงเรียนของเราเปิดภาควิชาภาษาญี่ปุ่นจึงได้มอบหมายให้อาจารย์ดูแลนักเรียน ม.4 ที่ไม่ยังไม่มีพื้นฐาน ม.5 ก็จะเป็นอาจารย์ร่วมกับอาจารย์ญี่ปุ่น พอนักเรียนเรียน ม.6 ก็จะเรียนกับอาจารย์ญี่ปุ่นตลอด ซึ่งอาจารย์เองเป็นเหมือนผู้บุกเบิกหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนนั้นครูเองก็ยังต้องสอนภาษาอังกฤษไปด้วยตลอดเวลา
ความประทับใจเกี่ยวกับโรงเรียน
โรงเรียนสมัยก่อนเหมือนครอบครัวเป็นโรงเรียนที่มีชีวิตชีวามาก จำนวนครูก็ยังไม่มาก เราทำกันเองทุกอย่าง เช่น งานสายสัมพันธ์ รุ่นแรกๆ นี่ อาจารย์เลื่อน เดินสายไฟเอง เราอยู่กันแบบครอบครัวทั้งความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ด้วยกัน และระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ลองดูสิ มีที่ไหนบ้างที่นักเรียนเรียกชื่อครูด้วยชื่อเล่น เพราะความสนิทคุ้นเคยกันมันเหมือนบ้าน พอโรงเรียนเริ่มใหญ่ขึ้น ก็เปลี่ยนทุกอย่างเข้าระบบมากขึ้น หลังจากที่อาจารย์ออกมาแล้วพึ่งรู้ว่าตอนนี้มีถึง 26 สาขา สมัยก่อนเราจำแค่ห้อง 2 จะแสบมาก
อีกเรื่องที่อาจารย์ประทับใจมาก คือ การดูแลของอาจารย์รุ่นพี่ โดยเฉพาะอาจารย์พิศศรี อาจารย์สอนอะไรมากมายทั้งๆ ที่อยู่คนละหมวด มีวันนึงครั้งนั้นต้องสอนห้อง 2 วิชาภาษาอังกฤษนี่แหละ เราก็อยากให้เค้าสอบได้ เลยเสี่ยงตายเอาข้อสอบขึ้นกระดานดำแล้วสอนทีละข้อซึ่งรู้ว่าผิด กลัวมากแต่ก็อยากให้เขาสอบได้ เช้าต่อมาวันสอบ ตกยกห้องเหมือนเคย ให้ซ่อมก็ยังไม่ผ่าน อาจารย์ทั้งโมโหทั้งเสียใจที่เราทุ่มเทขนาดยอมทำผิด แต่มันไม่ได้ผลอะไรเลย ก็ไปเล่าให้อาจารย์พิศศรี ฟัง ตอนนั้นอาจารย์บอกเธอตั้งใจผิดที่ เธอตั้งใจสอนให้ทุกคนฉลาดเท่ากันมันทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ สอนเพื่อให้เค้ารู้แล้วทำตัวให้ดีขึ้น หลังจากนั้นเหมือนมันดึงสติกลับมาได้ อาจารย์เองพยายามออกข้อสอบของห้องนี้ให้ต่างจากห้องอื่นเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถของเขา หลังจากนั้นครูมีความสุขในการสอนขึ้นเยอะเลยเพราะเรามีเด็กเป็นศูนย์กลาง
วีรกรรมที่จำได้ไม่ลืม
อาจารย์ได้มีโอกาสไปช่วยฝ่ายปกครองตั้งแต่สมัยอาจารย์อนุพงษ์ จนมาถึงอาจารย์ขจรศรี แรกๆ ที่อาจารย์เข้าไปช่วยเนื่องจากฝ่ายปกครองนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เพื่อคุมพฤติกรรมเด็กเพื่อนำไปคำนวนคะแนนจิตพิสัย ตอนนั้นเวลามาโรงเรียนเราต้องใช้บัตรนักเรียนเพื่อรูดเข้าโรงเรียน ความหัวใสของเด็กก็ถ่ายเอกสารบาร์โค๊ดของบัตรนักเรียนเพื่อน และฝากเพื่อนที่มาเช้ารูดทีเดียวเลย บัตรนึงได้ถึง 4 คน เพราะอยากช่วยเพื่อนที่มาสายให้ไม่ถูกหักคะแนน หรือบางทีเราให้คนมาสายเซ็นชื่อแล้วเข้าไป พอมาคีย์ชื่อลงระบบถึงรู้ว่า ชื่อที่เด็กเซ็น เป็นชื่อปลอม แบบตั้งเองมาจากไหนไม่รู้ บางทีก็ใช้ชื่อดาราเซ็นแทนชื่อตัวเอง เวลาอาจารย์ต้องมาคีย์รายชื่อเข้าระบบก็หาไม่เจอแล้ว
การช่วยฝ่ายปกครองทำให้ได้เห็นวีรกรรมแสบๆ หลายอย่างของลูกศิษย์ เช่น ถ้าเขารวมตัวกันทำความผิด เราอย่าวิ่งไปจับทั้งหมด ให้จับมาแค่คนเดียว พอตอนนั้นอาจารย์ใช้วิธีกระโดดเกาะเสื้อเขาไม่ให้เขาหนีได้ พอจับได้คนนึง เดี๋ยวที่เหลือจะรวมตัวมาสารภาพรับผิดร่วมกับเพื่อนเองครบทุกคนเอง มีครั้งหนึ่ง อาจารย์ก็จับชายเสื้อนักเรียนชายคนนึงเหมือนทุกครั้งที่จับเวลาทำผิด แต่ครั้งนี้นักเรียนถอดเสื้อพร้อมตะโกนขึ้นมาว่า “นินจาเต่าแปลงร่าง” จากสถานการณ์ที่ตึงเครียดตอนนั้นเปลี่ยนเป็นขำน้ำตาไหลแทน อาจารย์เลยต้องปล่อยไปคืนเสื้อเขาไป
ด้วยความที่อยู่เรือนปกครองทำให้เจอเรื่องราวมากมายมีเหตุการณ์นึง นักเรียนทะเลาะวิวาทกัน เมื่อทางโรงเรียนเรียกผู้ปกครองมาเพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมลูก ซึ่งตอนนั้นหายโกรธกันแล้ว พอพ่อเจอกันจะทะเลาะกันแทนลูกอีก
อีกเรื่องที่ประทับใจคือ อาจารย์ประทับใจในตัวอาจารย์ขจรศรีมาก อาจารย์ขจรศรีเป็นอาจารย์ที่รักเด็กที่สุดในโลก ท่านชอบอยู่ฝ่ายปกครอง เพราะเป็นคนชอบจัดการให้ทุกอย่างอยู่ในระเบียบวินัย มีวันนึง ลูกศิษย์เดินมาหน้าตาเศร้าสร้อย คุยไปคุยมาเลยทราบว่าที่บ้านมีปัญหาครอบครัวหนักมาก อาจารย์ขจรศรีเลยจัดการโทรไปหาคุณพ่อ พูดคุยถึงเหตุการณ์ว่าสิ่งที่คุณพ่อทำให้ลูกเครียด ด้วยความรักเด็กของอาจารย์จึงทุ่มเทมากในการทำงาน
อยากฝากอะไรถึงลูกศิษย์บ้างคะ
อาจารย์อยากฝากถึงลูกศิษย์ยุคปัจจุบัน อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่ยอมรับและเข้าใจเรื่องความคิดต่างนะ ในความคิดเห็นของอาจารย์ การแตกแยกทางความคิด ถ้าผ่านการแสดงออกที่หยาบคาย ใครเริ่มหยาบคายก่อนเราจะเริ่มเห็นลางความแพ้แล้ว ถ้าทะเลาะกันอย่าเอาความหยาบคายเข้าฟาดฟันกัน มันคือการเอาความทุกข์มาใส่ตัว มันจะไม่เห็นทางชนะเลย
วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ต้องขอขอบพระคุณ อาจารย์ปัทมา สมพงษ์ ที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์สนุก สุดแสบ ของเหล่านักเรียนให้พวกเราได้หวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยมัธยมของเรา และยังตบท้ายด้วยข้อคิดของการอยู่ร่วมกันในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง รับวันสงกรานต์กันนะคะ