ถึงศิษย์รัก… อ.แสงชัย นิยมศักดิ์
ถ้าจะนับอาจารย์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ขั้นเทพ” ในด้าน ฟิสิกส์ คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก อาจารย์ แสงชัย นิยมศักดิ์ ด้วยลีลาที่ให้แบบจัดเต็มไม่มีกั๊กของอาจารย์ ส่งให้ลูกศิษย์สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมาหลายต่อหลายรุ่น มาร่วมติดตามเรื่องราวความประทับใจของอาจารย์ต่อโรงเรียนของเรากันค่ะ
อ.แสงชัย นิยมศักดิ์
อาจารย์เล่าให้พวกเราฟังว่า ตอนที่อาจารย์เรียนปริญญาโทใกล้จบนั้น อาจารย์ได้รับการทาบทามจากอาจารย์เลื่อน ให้มาสอนที่โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) เนื่องจากในขณะนั้นอาจารย์ฟิสิกส์ขาดจึงอยากให้อาจารย์มาร่วมสอน ซึ่งตอนนั้นมี ดร. สุทัศน์ ยกส้าน ได้มาทักอาจารย์ว่า ทำไมเรียนถึงปริญญาโทแต่ถึงเลือกที่จะมาเป็นครูสอนเด็กๆ ท่านว่ามันดูลดระดับความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ความคิดของอาจารย์ในขณะนั้นบอกกับตัวเองว่าไหนๆ ก็เรียนจบปริญญาโทมาแล้ว ก็ตัดสินใจสอนที่นี่แหละตามคำชักชวนของอาจารย์เลื่อน ซึ่งตอนที่เข้ามาสอนปีแรกนั้น ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียนจะสอนมัธยมปลายเลยไม่ได้ อาจารย์จึงเข้าสอนด้วยวิชาวิทยาศาสตร์คู่กับอาจารย์สนธยา ในปีแรก และเมื่อสอนครบ 1 ปี จึงได้ถูกบรรจุเป็นอาจารย์ประจำ โดยเริ่มจากการสอนฟิสิกส์ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 และเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเรื่อยมาจนกระทั่งเกษียณอายุในปี พ.ศ.2558 ปัจจุบันอาจารย์ยังคงสอนพิเศษในวิชาฟิสิกส์สำหรับนักเรียนทั่วไป
ความประทับใจในโรงเรียนของเรา
อาจารย์ชอบระบบของโรงเรียนเรา ชอบในความเป็นพี่เป็นน้องของอาจารย์ด้วยกัน โดยสมัยแรกที่อาจารย์เข้ามาก็มีความประทับใจในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรก็ตามเรียกได้ว่าอาจารย์ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจลงแขกช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องทำข้อสอบคัดนักเรียนเพื่อสอบเข้าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทั้งช่วยกันออกข้อสอบ จัดเรียงเอกสารต่างๆ เรียกได้ว่าเราร่วมแรงกันทำแทบทุกอย่าง หรือแม้แต่งานสายสัมพันธ์ พวกเราก็ทำกันเองเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะพวกเราหมวดวิทย์เนี่ย จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงโดยเฉพาะอาจารย์เลื่อน ส่วนตัวอาจารย์เองก็ทำแม้กระทั่งติดโปสเตอร์ตามเสาว่าจะมีงานวันไหนบ้าง ช่วยดูแลด้านเวที ติดไฟตามราวหน้าโรงเรียน รวมถึงในการจัดนิทรรศการ หรือแม้กระทั่งงานวิ่งการกุศลของโรงเรียนเรายิ่งใหญ่ทุกปี บางปีเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาร่วมพิธีเปิด ซึ่งอาจารย์เองก็เคยได้มีโอกาสที่ได้ถวายรายงานพระองค์ท่านในพิธีเปิดงาน เสียดายที่รูปถ่ายในตอนนั้นปัจจุบันได้สูญหายไปเสียแล้ว เรียกว่าเราเต็มที่กับทุกๆ งานที่เราได้ทำ
ส่วนความประทับใจในความสัมพันธ์ของศิษย์กับอาจารย์นั้น สมัยก่อนโรงเรียนเรายังมีนักเรียนจำนวนไม่มากมายนักเมื่อเทียบกับในยุคปัจจุบัน ความสนิทสนมจึงมีมากเป็นพิเศษ เราสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง เรียกว่าสนิทกันเหมือนพี่น้อง เหมือนเพื่อนเลยก็ว่าได้ อย่างเวลาเลิกเรียนเนี่ยก็จะจับกลุ่มพูดคุยเล่นกันจนถึงสองทุ่มเลยก็มี แต่พอโรงเรียนใหญ่ขึ้นนักเรียนเพิ่มมากขึ้นความสนิทก็ค่อยๆ ลดลงไป ด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้นักเรียนหลายคนต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติม อาจารย์เองก็มีภารกิจที่ต้องไปสอนเสริมพิเศษแก่เด็กๆ เช่นเดียวกัน
วีรกรรมเกี่ยวกับศิษย์ที่จำได้ไม่ลืม
ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องความแสบซนของนักเรียนชาย มีตั้งแต่วิ่งถือแหลนไปท้าไปไล่ตีกันหน้าโรงเรียน หรือเอาหินทุ่มใส่กระจกเรือนปกครองในยามวิกาลก็มีมาแล้ว ซึ่งเรามารู้อีกทีก็ในรุ่งเช้าของอีกวัน ก็จะเห็นอาจารย์จรัล ยืนตีทำโทษอยู่ที่เรือนปกครอง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับผิดและยอมให้ลงโทษแต่โดยดี ซึ่งการตีแต่ละทีนั้นแรงมากจนต้องเอาทิงเจอร์ทาแผลกันเลยทีเดียว แต่เด็กเกเรเนี่ยโตแล้วเคารพรักอาจารย์ทุกคน และส่วนใหญ่ก็จะมีความผูกพันกับอาจารย์มากเป็นพิเศษด้วย ทุกครั้งที่เจอกันก็ยังทักทาย ยังสำนึกในบุญคุณของอาจารย์อยู่เสมอ
ส่วนเรื่องราวดีๆ ของศิษย์ก็มีเยอะเช่นกัน อย่างสมัยแรกที่อาจารย์มาสอน เด็กๆ ก็มักจะบ่นว่าอาจารย์สอนเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนแบบไม่สนใจว่าเด็กจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง อาจารย์ก็ได้ยินได้ฟังมาอีกทีแล้วก็เริ่มที่จะปรับเปลี่ยนการสอน โดยเรียนรู้การสอนไปพร้อมๆกับเด็ก เวลาที่อาจารย์สอนก็จะเต็มที่ มีเท่าไหร่ปล่อยหมด ไม่มีกั๊ก อาจารย์จะบอกลูกศิษย์เสมอว่า เรียนฟิสิกส์ต้องเรียนด้วยความเข้าใจไม่ใช่เรียนด้วยการท่องจำ เรียกว่าเราสอนให้เด็กรู้จักหาปลาเอง ซึ่งก็ได้ผลดี ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ลองออกข้อสอบยากๆ เรียกว่าโจทย์ปราบเซียนเลยก็ว่าได้ เชื่อไหมว่าโจทย์ยากแค่ไหนเด็กๆ ของเราก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี นั้นเพราะเขาใช้ความเข้าใจในการทำ อาจารย์พูดเสมอว่าต่อให้นั่งทำแบบฝึกหัดเป็นร้อยข้อแต่ถ้าคุณไม่มีความเข้าใจ คุณก็จะแก้โจทย์ไม่ได้ ถ้าคุณพลิกแพลงไม่เป็น อาจารย์จะมีเทคนิคให้ลูกศิษย์อยู่ตลอดเพื่อให้นำไปปรับใช้ ซึ่งเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ลูกศิษย์หลายๆ คนจึงสามารถเอนทรานซ์ติดตั้งแต่ระดับชั้น ม.5 เนื่องจากช่วงสมัยนั้นมีการสอบเทียบ อาจารย์ยังคิดเลยว่าพวกหัวกะทิเอนทรานซ์ติดคณะดีๆ กันไปหมดแล้ว คงจะเหลือแต่พวกหางกะทิที่ยังคงเรียนต่อในระดับชั้น ม.6 แต่ปรากฏว่าเด็กๆ ม.6 ที่เหลืออยู่ต่างก็สอบติดในคณะดีๆ และมีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าจะสอบเทียบได้หรือเรียนตามเกณฑ์ปกติ เด็กนักเรียนทุกคนของครูก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน นี่ก็คือสิ่งที่ครูภาคภูมิใจและจำได้ไม่ลืม
ความในใจถึงศิษย์รัก
สำหรับศิษย์เก่า อาจารย์ประทับใจในทุกรุ่น ทั้งที่เรียนเก่ง หรือ เกเร อาจารย์ก็ประทับใจในศิษย์ของอาจารย์ทุกคน ยังคงระลึกถึงอยู่เสมอ บางคนอาจารย์อาจจะจำไม่ได้ แต่อาจารย์เชื่อว่านักเรียนของอาจารย์ทุกคนน่าจะจำอาจารย์ได้ดี ถ้ามีโอกาสได้เจอกันก็อยากให้เข้ามาทักทาย อย่างน้อยก็มาแนะนำตัวให้อาจารย์ฟังสักหน่อยว่าเรียนรุ่นไหน อย่างไร อาจารย์ก็จะได้นึกออก เพราะบางทีอาจารย์เองก็รู้สึกคุ้นหน้าแต่อาจจำจำชื่อไม่ได้ หรือ ไม่แม่น เพราะด้วยความที่มีลูกศิษย์มากมายหลายรุ่นหลายคน
อย่างไรก็ตามอาจารย์อยากบอกให้ลูกศิษย์ทุกคน ตั้งใจทำงาน มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ไม่คดโกง เป็นคนดีของสังคมแล้วมาช่วยกันพัฒนาประเทศ สำหรับศิษย์ปัจจุบัน หรือศิษย์รุ่นใหม่ ก็ขอให้ตั้งใจเรียน รู้จักสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน มีความกตัญญูรู้คุณ อย่าได้ทำลายชื่อเสียงของโรงเรียนเลย
สารพัดกิจกรรมที่โรงเรียนสร้างสรรค์ขึ้น ภายนอกอาจดูเหมือนเพื่อให้นักเรียนสนุกสนานแต่ในความเป็นจริงแล้วผลสุดท้ายปลายทางไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับระหว่างทางที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุกคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้งานทุกชิ้นประสบความสำเร็จ ทั้งอาจารย์และนักเรียนเองต่างก็มีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการเรียนรู้และได้รับรู้ถึงความชอบที่แท้จริง ช่วงเวลาเหล่านี้พิเศษกว่าความสำเร็จที่ปลายทางเสียอีก
วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ต้องขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์แสงชัย นิยมศักดิ์ ที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวให้พวกเราได้หวนคิดถึงความสุขในวันวาน หากมีโอกาสอย่าลืมกลับมาเยี่ยมชมโรงเรียน มากราบสวัสดีอาจารย์ให้พวกท่านได้ชื่นใจกันนะคะ