ถึงศิษย์รัก… ผศ.ดร.วิไลรัตน์ ขันธ์เจริญ

หลายครั้งที่สัมภาษณ์เหล่าคณาจารย์ถึงความประทับใจเกี่ยวกับโรงเรียน เรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยมากๆ คือ อาหารกลางวันที่โรงเรียนเรา อร่อยมาก วันนี้เราจะได้พบกับ เบื้องหลังผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการคิดและปรับปรุงตำรับอาหารให้มีความเป็นมาตรฐานถูกสุขลักษณะ สวยทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ และบริการที่ติดตรึงใจเราทุกคน เชิญพบกับ ผศ. ดร.วิไลรัตน์  ขันธ์เจริญ ได้เลยค่ะ

ผศ.ดร.วิไลรัตน์ ขันธ์เจริญ

อาจารย์จบจาก คณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในปี พ.ศ.2523 และเข้ามาสมัครงานที่โรงเรียนเลย สมัยนั้น อ.ศรีนวล มั่นเปล่ง ท่านเป็นหัวหน้าหมวด ท่านเป็นอาจารย์รุ่นแรก ที่สร้างความประทับใจ และนับว่าเป็นผู้บุกเบิกทางด้านโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน ส่วนครูนั้นเป็นผู้พัฒนาเพื่อให้เกิดความทันสมัยขึ้น โดยเริ่มจากการทำตำรับมาตรฐาน คำนวณปริมาณ สีสัน หน้าตารูปลักษณ์อาหาร ปรับปรุงชุดยูนิฟอร์มสำหรับพี่ๆ แม่ครัว เป็นต้น ครูรับหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.3 เรื่อยมา จนระยะ 10 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ ครูได้มาดูแล เอกอาหารและการโรงแรม ซึ่งเริ่มสอนตั้งแต่ระดับชั้น ม.4 – ม.6 และได้ประจำชั้น ม.6 หลายปีก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งหัวหน้าหมวดกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี​ กรรรมการสมาคมผู้ปกครองและครูในปี พ.ศ.2558 รวมอายุราชการ 35 ปี

หลังเกษียณ ครูได้เป็นที่ปรึกษางานวิจัยของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เอกการศึกษาผู้ใหญ่​ และวิทยาลัยเอกชน​แห่งหนึ่ง ครูยังทำกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย เช่น​ ออกกำลังกาย​ เรียนตัดขนสุนัข​ การเรียนแต่งหน้า เรียนการประดิษฐ์งานต่างๆ​ ทำอาหาร​ การใช้โทรศัพท์​ การทำคอมพิวเตอร์​ การตัดต่อภาพ​ ถ่ายวีดีโอ และยังอื่นๆ อีกมากมายที่ยังไม่รู้และอยากทำให้ได้ จึงทำให้มีโอกาสพบเจอเพื่อนใหม่ในการทำกิจกรรมหลายวัย ได้ออกไปสังสรรค์ พบปะ​ เรียนรู้​ เที่ยว​ ทานข้าวกันอยู่เสมอ (อย่าปฏิเสธการออกนอกบ้าน) ​โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่ติดภาระครอบครัวในการรับส่ง และในปี 2563 นี้ อายุ 65 ปีแล้ว

ความประทับใจในโรงเรียน

นอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกโครงการอาหารกลางวันแล้ว อาจารย์ยังเป็นผู้เปิดวิชาเอกอาหารและการโรงแรม อีกด้วย โรงเรียนของเราโชคดีมาก มีวิชาเอกที่มีความหลากหลาย เพื่อให้นักเรียนมีความสุขในการเรียน และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากขึ้น ตอนนี้วิชาเอกของเรามีการพัฒนามากขึ้นต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ จนถึง ผอ.คนปัจจุบัน เอกของครูนั้นมีนักเรียนรุ่นแรกในเอกอยู่ 4 คน เวลาพาไปดูงานตามโรงแรม หรือร้านอาหารละแวกโรงเรียน ก็พากันขึ้นรถไปกับครู โดยเอกของเรานั้น จะมีเด็กในกลุ่มเด็กพิเศษสามารถเลือกเรียนได้ ซึ่งมันท้าทายมากในการที่จะสอนเขาให้รู้จักการให้บริการคนอื่น มีความเป็นผู้ให้ เราเริ่มจากให้เด็กๆ รู้จักผลิตขนม หรือผลิตภัณฑ์มาชิ้นหนึ่ง เพื่อไปมอบให้อาจารย์ หรือให้เด็กปรุงอาหารแล้วเชิญอาจารย์มาชิม สุดท้ายความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้น คือ เขาทำได้ ทุกวันนี้เขาสามารถทำงานในโรงแรมเป็นที่ยอมรับได้อย่างดี ในส่วนของเอกอาหารและการโรงแรมนั้นก็มีนักเรียนเข้ามาในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อีกอย่างหนึ่งเลยที่ประทับใจในโรงเรียนมาก คือ ที่นี่สนับสนุนให้เราพัฒนาตนเองในด้านการศึกษา และผลงานทางวิชาการ ครูเองทำงานด้านคหกรรม ก็ไม่เคยคิดเลยจะมีโอกาสนี้ หลังจากเรียนจบปริญญาตรี 10 ปี ครูมาเรียนต่อปริญญาโท เอกการศึกษาผู้ใหญ่ ตอนช่วงนั้นครูได้ทำผลงานวิชาการไปด้วยในสมัยของ ท่าน ศ.ดร.อารี​ สัณหฉวี​ ครูได้เขียนตำรา การจัดโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน​ ตำราอาหารจำนวนมาก งานวิจัยต่างๆ จนได้ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ในปี พ.ศ.2540 และหลังจากนั้นก็ทุ่มเททำงานกิจกรรมของโรงเรียนเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนปริญญาเอก และมาจบหลังเกษียณในปี พ.ศ.2558 ครูเชื่อว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในระยะเวลาที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

วีรกรรมลูกศิษย์ที่จำได้ไม่ลืม 

ครูเป็นครูประจำชั้น ศิลป์บันเทิง อย่างที่รู้กันดี กลุ่มนี้จะมีวีรกรรมขึ้นห้องปกครองให้ครูได้ตามไม่เว้นแต่ละวัน อย่างอันหนึ่งที่ครูจำได้แม่นมาก เราจะมีลิฟท์ตัวเก่าที่ตึกเก่าซึ่งมันก็แก่มากแล้ว แล้วเด็กห้องบันเทิงที่ครูเป็นครูประจำชั้นขึ้นไปขย่มลิฟท์กัน 10 กว่าคน สุดท้ายมันพังลงมา ทุกคนก็ต้องชดใช้ และต่อมาลิฟท์ตัวนั้นก็ไม่อนุญาตให้เด็กใช้อีกเลย 

หลังจากที่เราเปิดวิชาเอกที่หลากหลาย ครูกล้าพูดเลย ว่านักเรียนโรงเรียนเรามีความสุขมาก แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน เราได้พบเจอเด็กที่เขาไม่ได้ถนัดทางวิชาการ แต่กลับได้เกรดดีมากในวิชาพละศึกษา วิชาดนตรี หรือในวิชาด้านอาหารและการโรงแรมของครู และความน่ารักของเด็กเหล่านี้ คือ เขามีน้ำใจมาก อย่างเช่น ตอนน้ำท่วมกรุงเทพฯ พวกเขารวมกันไปช่วยอาจารย์ขจรศรียกของหนีน้ำท่วม ซึ่งครูว่ามันน่าประทับใจ 

ลูกศิษย์หลายคนจบไปแล้ว บางทีเวลาไปเจอที่ไหนแล้วเขาวิ่งมาทักครูเองก็ดีใจ บางทีไปงานต่างๆ ก็มีเด็กเข้ามาทักว่าเขาจบจากสาธิต ตอนนี้เป็นนักร้อง​ดัง เปิดร้านอาหาร​ เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ทุกวันนี้เขาก็ได้มาทำงานตามที่เขาคิดไว้ ช่วงเกษียณมีศิษย์เก่ารวมตัวกัน เพื่อมารับอาจารย์ไปเที่ยว​ ทานข้าวกันที่อยุธยา ในปี 2561 ครูก็ประทับใจมาก เพราะพอมีอายุ ไปเองก็ยาก นี่เขามารับไปสนุกสนานด้วยกัน เราก็มีความสุขมาก

ความในใจถึงลูกศิษย์

ครูดีใจเวลาลูกศิษย์มาทัก บางคนครูอาจจะจำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง แค่มาทักทายครู ยังจำครูได้ ครูก็ดีใจมากแล้วค่ะ 


ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหรือเปล่า เวลาที่ได้เจออาจารย์ ไม่ว่าท่านไหน เราจะอยากวิ่งเข้าไปทัก วิ่งเข้าไปกราบท่าน ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับบ้านเก่าไปเจอความรู้สึกอบอุ่นแบบก่อนๆ เพราะโรงเรียนเปรียบได้ดั่งบ้านหลังที่สองของเรา

วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ต้องขอกราบขอบพระคุณ ผศ.ดร.วิไลรัตน์ ขันธ์เจริญ ที่ร่วมมาแบ่งปันเรื่องราว ความทรงจำให้พวกเราได้หายคิดถึงกันด้วยนะคะ