ถึงศิษย์รัก… อ.ดารานิจ รักษพลเดช
“ครู” นับเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ว่าเราจะทำอาชีพใดๆ เช่น หมอ วิศวกร ล้วนแต่มีครูมาคอยชี้แนะบอกเราทั้งสิ้น ครูที่สอนเด็กประถมนั้น ยิ่งมากกว่าการให้วิชาความรู้ คือการปลูกฝังวินัย ค่านิยม และตัวตนของเด็กเหล่านั้น ให้หล่อหลอมมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ได้รับเกียรติจากอาจารย์ดารานิจ มาถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจที่มีต่อโรงเรียนให้เราฟังกันค่ะ
อาจารย์ ดารานิจ เริ่มเข้าไปสอนที่โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 โดยในการสอนปีแรกนั้น อาจารย์ไปช่วยเหลืออาจารย์ไพเราะทำงานที่ห้องสมุด หลังจากนั้นมีอาจารย์ประจำชั้นระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ลาออกไป อาจารย์จึงได้เข้ามาทำหน้าที่สอนแทน โดยรับหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นตั้งแต่เริ่มเข้าสอน และเข้าสอนถึง 3 วิชาหลักด้วยกัน ได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และสังคม หลังจากนั้นก็สอนประจำระดับชั้นประถมศึกษาประถม 4 และ ประถม 6 เรื่อยมา รวมถึงได้รับเลือกให้ดูแลฝ่ายกิจการนักเรียน จนกระทั่งเกษียณอายุในปี พ.ศ.2552 ปัจจุบันอาจารย์ยังติดต่อเพื่อนอาจารย์ด้วยกันเพื่อพบปะสังสรรค์ทำกิจกรรมด้วยกันอยู่เสมอ
ความประทับใจต่อโรงเรียนของเรา
อาจารย์ดารานิจได้กล่าวกับพวกเราว่า ความประทับใจมีมากเลย ตั้งแต่ที่ครูได้เป็นครูใหม่ๆ ตอนแรกที่จบยังรู้สึกไม่อยากไปสอนหนังสือ แต่พอได้ลองสอนเด็กประถมแล้วมันสนุกมาก เลยรู้สึกติดใจ ซึ่งอาจารย์ใหญ่ในขณะนั้นคือท่านอาจารย์ไพเราะ ท่านก็ดีกับครูมาก ท่านให้ความไว้วางใจครู อบรมครูให้ปฏิบัติตามเหมือนครูเป็นลูกคนหนึ่งเลยค่ะ สมัยนั้นโรงเรียนเป็นดินลูกรัง เราก็จะอาศัยเดินข้ามสะพานไม้เพื่อเข้าโรงเรียนฝั่งประตูแดนตะวัน ดั้งเดิมเป็นสะพานไม้ที่พอสวนกันได้ ที่บริเวณโรงเรียนเราก็จะเป็นทุ่งนา เป็นคลอง สามารถเข้าออกได้ทางเดียว ทางที่จะเดินเข้าโรงเรียนก็ต้องเดินข้ามสะพาน เพราะทางถนนเป็นดินลูกรังยังไม่ได้ปรับปรุงเลย จนกระทั่ง ดร.อารีย์ มาเป็นอาจารย์ใหญ่ จึงมีการปรับปรุงถนนหน้าโรงเรียน ก่อน ดร.อารีย์ จะมีอาจารย์จรีย์ มีสมาคมผู้ปกครองประชุมจะซื้อที่บริเวณหน้าโรงเรียน (ที่ตอนนี้เป็นอาคารจอดรถ) ได้ไปต่อรองราคากับเจ้าของที่ แต่ภายหลังเจ้าของที่ไม่ขาย แต่ก็ใจดีอนุญาตให้เป็นที่จอดรถแทน ซึ่งภายหลังก็ยกเลิกไปแล้วมาสร้างเป็นอาคารจอดรถ ส่วนตึกภายในโรงเรียนก็ถูกสร้างใหม่ไปหลายตึกแล้ว
อีกเรื่องที่ครูประทับใจก็คือ ครูใหญ่คนแรก ของโรงเรียนเราเอานโยบายมาจากต่างประเทศ โดยนักเรียนเราต้องอยู่ดีกินดี เรื่องอาหารการกินของเรานี่ดีมาก แถมอาหารก็อร่อย อาหารโรงเรียนฝั่งประถมนี่ขึ้นชื่อและอร่อยมากเลยนะ โดยเฉพาะไข่พะโล้ กับหมูระยอง (หมูสับผัดกับถั่วฝักยาวหั่นเล็กๆ) เด็กก็จะชอบมาก ส่วนระยะหลังมานี้ เด็กๆ จะชอบมาม่าผัด ก็เป็นที่โปรดปรานกันหลากหลายเมนู ส่วนความประทับใจในเรื่องกิจการนักเรียนนั้น สมัยอาจารย์บุญยืน เป็นครั้งแรกที่อาจารย์เข้ามาเป็นผู้ช่วยฝ่ายกิจกรรม โดยกิจกรรมที่อาจารย์ประทับใจก็คืองานกีฬาสีของโรงเรียนเรา ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นเรื่องราวอะไรมากนัก คือจัดไปอย่างนั้นแหละ แต่ตอนหลังที่อาจารย์กับอาจารย์ศิริฟ้าขึ้นมาช่วยกันทำเรื่องกีฬาสี เราจึงมีความคิดที่ว่าจะแบ่งครูตามสีตามเด็ก โดยการจับฉลาก เราสองคนมาคิดกันว่ากีฬาสี ถ้าจะทำให้สนุก ครูต้องอยู่ร่วมในสีด้วย ต้องอยู่สีตามเด็กๆ เลยมานั่งแบ่งอายุครูแต่ละท่านกันว่า ครูรุ่นนี้มาจับฉลากแบ่งเป็น 4 สี ว่าใครจะได้อยู่สีอะไร แบ่งจับเป็นรุ่นๆ ไปตามอายุ โดยในหนึ่งสีก็จะมีด้วยกันหลากหลายรุ่นหลากหลายอายุ แล้วในแต่ละสีก็จะต้องมีครูที่สามารถสอนเต้น สอนเชียร์ สอนร้องเพลง โดยเราได้แบ่งเป็นแม่สีแต่ละสี แล้วให้ครูใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับเด็กๆ รวมถึงแต่ละสีจะต้องเก็บเป็นความลับ ก็จะประชุมวางแผนกัน ตั้งแต่นั้นมากีฬาสีก็เป็นกิจกรรมที่สนุกสนานทั้งเด็กและครูต่างก็ชื่นชอบกันมาก
วีรกรรมของลูกศิษย์ที่ลืมไม่ลง
จริงๆ แล้วมีมากมายหลายเรื่อง เวลาเจอเจ้าตัว ครูก็จะพูดกันอยู่เสมอถึงเรื่องราวนี้ ต้องบอกก่อนว่าครูจะถูกท่านอาจารย์ไพเราะฝึกมาให้อบรมหน้าเสาธง สมัยก่อนครูทุกคนจะต้องขึ้นไปอบรมหน้าเสาธง โดยมีการแบ่งเวรกัน เพราะว่าท่านอาจารย์ไพเราะต้องการสอนให้ครูรู้จักอบรมเด็กได้โดยที่มีเด็กอยู่จำนวนเยอะ เพราะฉะนั้นตัวครูเองก็จะสะสมประสบการณ์อันนี้มามาก จนกระทั่งได้มาทำฝ่ายกิจการนักเรียน
วีรกรรมที่ครูจำได้ก็คือมีลูกศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งซนมากแก่นมาก แล้วเค้าก็จะพูดคุยมากเป็นพิเศษ จะไม่ค่อยตั้งใจเรียน ไม่ฟังครูสอน ครูก็จะดุเขาเพราะเขาชอบลุกจากที่นั่ง ลุกเดินไปโน่นไปนี่ตามอำเภอใจ จนครูต้องคาดโทษเขาว่าห้ามลุกจากที่นั่งไปไหน หากจะลุกไป ก้นต้องติดเก้าอี้อยู่เสมอ สรุปได้คือเวลาจะเดินไปไหนก็ตาม จะต้องเอาเก้าอี้ติดตัวไปด้วยทุกครั้งแม้แต่กินข้าวก็ต้องเอาเก้าอี้ไปด้วยนะ เขาก็เลยยกตามติดตัวไปตลอดไปทุกที่ จนกระทั่งวันนั้นทั้งวันอาจารย์เลยบอกเขาว่าถ้ายังไม่เปลี่ยนนิสัย จะให้เอาเก้าอี้กลับบ้านไปด้วย ก็เลยตกลงยอมรับปากว่าจะไม่ทำอีก ปัจจุบันนี้ก็โตแล้วอาจารย์ก็รู้จักครอบครัวของเขาดี
อีกเรื่องเลยต้องเรียกว่าเป็นความประทับใจในความน่ารักของลูกศิษย์ สมัยนั้นครูเป็นคนแรกแรกที่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน ครูก็อาศัยวิธีครูพักลักจำโดยหัดฝึกฝนด้วยตัวเอง ตั้งแต่สมัยระบบ Dos อันนั้นจำเยอะก็ยังไม่ค่อยชำนาญเพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่พอเป็นรุ่น Windows (วินโดว์) ก็เริ่มพิมพ์ข้อสอบเองรวมถึงแบบฝึกหัดด้วย ตอนนั้นครูเป็นอาจารย์ประจำระดับชั้นประถม 4 ในรุ่นจะมีเด็กอยู่คนนึงเก่งคอมพิวเตอร์มาก ครูได้เรียนรู้หลายสิ่งจากเด็กคนนี้ ทั้งเรื่องการทำกราฟ เรื่องฟังก์ชั่นแปลกใหม่ต่างๆ จนกระทั่งสอนครูทำสติ๊กเกอร์ จนทำให้มีสติ๊กเกอร์ของโรงเรียน อีกทั้งยังสามารถหารายได้เข้าโรงเรียนได้อีกด้วย ความน่ารักของเด็กคนนี้ก็คือ เวลาที่เขาสอนโปรแกรมใหม่ๆ ให้กับครู เขาก็จะเป็นห่วงครูมาก กลัวว่าครูจะทำไม่ได้ อย่างตอนที่เขาสอนครูทำกราฟแท่ง เขาก็จะไม่เป็นอันเรียนเลย เพราะเป็นห่วงครูว่าครูจะสามารถทำได้หรือเปล่า ต้องคอยแอบออกมาจากห้องเรียน มาแอบดู มาชะโงกถามว่าครูทำได้ไหม ก็เป็นความน่ารักที่ครูประทับใจว่า นอกจากเด็กที่ต้องเรียนรู้จากครูแล้ว ครูเองก็ได้เรียนรู้จากเด็กเช่นเดียวกัน
ความในใจถึงศิษย์รัก
ครูมีความสุขที่ได้สอนเด็กประถม ชอบที่สุดคือการสอนคณิตคิดเร็ว ชอบเวลาที่เด็กๆ และผู้ปกครองบอกกับครูว่า เพราะครูทำให้เด็กๆ ชอบคิดเลข เพราะครูทำให้พวกเขารู้สึกสนุกสนานกับวิชาคณิตศาสตร์ ถ้าเกิดใหม่ได้ ครูก็อยากเป็นครูสอนเด็กประถมเหมือนเดิม ตอนนี้ครูก็เกษียณมานานแล้ว ลูกศิษย์เก่าๆ รุ่นแรกๆ ก็ยังมีติดต่อกันอยู่บ้าง ยังคงคิดถึงลูกศิษย์ทุกคน ทุกรุ่นที่สอน พอได้เห็น ชื่อ-นามสกุล ครูก็ยังจำได้ดี อยากให้ศิษย์เก่ากลับมาหากันบ้าง ถ้าโรงเรียนมีจัดงานที่โรงเรียนก็อยากให้ศิษย์เก่ากลับมาเยี่ยมที่โรงเรียนบ้าง จะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปของโรงเรียนเรา ขอบคุณลูกศิษย์หลายๆ รุ่นที่เวลาจัดงานมิตติ้งก็ยังเชิญอาจารย์เก่าๆ ไปร่วมงาน ครูยังคงแข็งแรงและรักษาตัวเองอย่างดี มีงานเมื่อไหร่ให้ช่วยก็บอกมาได้ ครูพร้อมจะไปช่วยเสมอ
จากที่ได้สัมภาษณ์อาจารย์หลากหลายท่าน สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความแตกต่างของโรงเรียนเรากับที่อื่นๆคือ การให้อิสระทางความคิดกับนักเรียน จะมีกี่ที่ ที่นักเรียนสามารถถ่ายทอด หรือ แบ่งปันเรื่องราวกับอาจารย์ และเหล่าอาจารย์เองก็เปิดใจรับการสอนของลูกศิษย์ การเปิดใจซึ่งกันและกันนี้ทำให้ทุกการเรียนรู้คือเรื่องสนุก ต่างศึกษาซึ่งกันและกันไป
วันนี้ทางสมาคมศิษย์เก่าสาธิต ประสานมิตร ต้องขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ดารานิจ ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจ มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ